(แปลนิยาย)We are Alive ตอนที่9

ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก
การเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กๆก็สามารถส่งผลกระทบขนาดใหญ่ได้เช่นกัน
ในที่สุดช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจก็มาถึง แม็กจะเลือกสิ่งใด
ตอนจบที่"สมบูรณ์"ของเรื่องราวระหว่างแม็กกับโคลอี้ ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ต้นฉบับ คลิ๊ก
ฉันกลายเป็นเป้าสายตา ไม่แน่ใจว่าจะตอบอะไรไปดี ฉันควรจะบอกเธองั้นหรอ? แล้วถ้าหากทุกอย่างมันผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วเธอปฏิเสธฉันล่ะ? ฉันไม่อยากจะเสียเธอไปแต่ก็ไม่อยากโกหกเธอ ฉันเปิดปากเพื่อพูดและปิดอีกครั้ง ในขณะที่โคลอี้มองมาที่ฉันอย่างลุ้นระทึก
"ใช่" ในที่สุดฉันก็พูดออกไป เสียงฉันเบายิ่งกว่ากระซิบเสียอีก
"ใช่ ฉันชอบเธอ โคลอี้" เธอดูท่าทางตกใจมากๆทำให้ฉันรู้สึกว่าต้องพูดต่อไป เพื่ออธิบายให้เธอได้รู้
"เธอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและสนุกสนาน และสวย และ..." ฉันหยุดพูดในขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอานิ้วสัมผัสที่ริมฝีปากของฉัน เธอยิ้มให้ฉันแม้จะเป็นยิ้มเล็กๆแต่รู้สึกได้ถึงความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจมากกว่าทุกๆการแสดงออกที่ฉันเคยเห็นมาก่อนหน้าของเธอ จากนั้นเธอเลื่อนมือจากริมฝีปากมาที่แก้มของฉัน และเธอก็พูดด้วยเสียงที่บางเบา
"หุบปากแล้วจูบฉันซะ"
ฉันทำได้ ริมฝีปากของพวกเราสัมผัสกันอีกครั้ง และครั้งนี้โคลอี้ไม่ตกใจหรือไม่ต่อต้าน มือของเธอเลื่อนจากแก้มไปวางที่ข้างหลังหัวอย่างอ่อนโยน นิ้วทั้งห้าคอยลูบผมของฉัน มืออีกข้างของเธอลูบไล้ไปตามหลังของฉัน มือของฉันก็ไม่ได้ปล่อยไว้เฉยๆ ฉันกอดโคลอี้เอาไว้ ข้างหนึ่งจับไปที่ไหล่ อีกข้างอยู่ที่หลังของเธอ ฉันรู้สึกว่าปากของโคลอี้เปิดออก ฉันจึงเปิดปากของฉันตอบสนอง ฉันรู้สึกได้ถึงเหล้ายาในปากของเธอ แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น โคลอี้เดินหน้าเข้ามาเรื่อยๆจนฉันชนขอบเตียง และล้มลงไป โคลอี้ก็ล้มพร้อมกับฉัน ทำให้การจูบของเราหยุดลง โคลอี้ยันตัวเองไว้ได้ด้วยมือที่อยู่หลังหัวฉัน ฉันโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อปล่อยมือของเธอ โคลอี้มองลงมาที่ฉัน เธอไม่ได้หอบแต่เสียงหายใจของเธอหนักแน่นกว่าที่เป็น และฉันก็หายใจแบบเดียวกัน "ว้าว" เธอพูดออกมาซึ่งฉันเห็นด้วยกับความรู้สึกนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่พูดอย่างอื่นแล้ว ฉันจึงเข้าไปหาเธอ เธอยิ้มในขณะที่ฉันดึงเธอลงมาหาตัวฉัน
 ฉันรู้สึกได้ถึงร่างกายของโคลอี้ที่อยู่บนตัวของฉัน มันทั้งอุ่นและอ่อนนุ่ม ฉันตัดสินใจใช้มือซ้ายลูบไล้ที่แผ่นหลังลงไปข้างล่าง โคลอี้ตกใจเล็กน้อยที่มือของฉันเลื่อนลงไปถึงกางเกงยีนส์ของเธอ ลิ้นของฉันเข้าไปในปากของเธอ ในขณะเดียวกับที่เธอกำลังถอดเสื้อของฉัน ประตูห้องก็เปิดออก
"สาวๆ ฉันเรียกพวกเธอ...โอ้ว!" จอยยืนอยู่ที่หน้าประตู
"แม่!" โคลอี้เป็นคนแรกที่ตอบกลับจอย เธอดึงใบหน้าของเธอออกห่างฉัน
"นี้มันไม่ใช่...อย่างที่แม่เห็นหรอกนะ"
ฉันรู้สึกได้ถึงแก้มที่ร้อนขึ้นเมื่อจอยมองมาที่พวกเรา โคลอี้พยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้ดูมีความสุข และฉันยืนอยู่ด้านหลังกำลังเขินอายและหายใจแรงอย่างมาก "เข้าใจล่ะ" จอยพูดออกมา สีหน้าของเธอฉันอ่านไม่ออก แล้วเธอก็หายใจเข้าลึกๆ "อาหารเย็นเสร็จแล้ว วางอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร" และประตูก็ปิดตามหลังเธอไป ทุกๆอย่างเงียบงันไปสักพักก่อนที่โคลอี้จะหัวเราะออกมาอย่างหนักจนน้ำตาเล็ด และกลิ้งไปบนเตียงรอบๆฉัน
"ไม่ตลกเลยนะ โคลอี้!"
"แต่มันตลกนะ! นี้เธอไม่เห็นสีหน้าของแม่ฉันงั้นหรอ? ฉันยังไม่เคยเห็นเธอช็อคแบบนั้นมาก่อนเลยในชีวิต" เธอหัวเราะช้าลงเพื่อหายใจให้สะดวกขึ้น
"โคลอี้ หยุดนะ! เธอไม่คิดว่ามันน่าอายบ้างหรือไง?" ฉันชี้ไปที่ประตู
เธอมองตรงมาที่ดวงตาของฉัน "ไม่ ฉันไม่เห็นมีอะไรต้องอายและเธอเองก็ด้วย" เธอคงรู้ว่าฉันลังเล "ใช่มั้ย?" เธอถามฉัน และสัมผัสได้ถึงความกลัวในเสียงของเธอ
"มันไม่ใช่แบบนั้น" ฉันพยายามทำให้เธอมั่นใจ "ก็แค่เรื่องพวกนี้มันเป็นครั้งแรกของฉัน"
ความกลัวของเธอหายไป "นี้เธอจะบอกว่าฉันเป็นแฟนสาวคนแรกของเธองั้นหรอ?" เธอถามฉัน
"แล้วเราเป็นใช่มั้ย?"
"ไม่รู้สิ ใช่ละมั้ง?"
"ฉันชอบที่จะเป็นนะ"
"งั้นเราก็ใช่แล้วล่ะ" น้ำเสียงของโคลอี้มั่นใจขึ้น "แล้ว แฟนสาวคนแรกใช่มั้ย?"
"คนแรกทุกๆอย่างนั้นแหละ" ฉันบอกเธอไป และทันใดนั้นเองโคลอี้ก็ทำสายตาของนักล่าออกมา
"ว้ายยยยย!" เธอพูดออกมาด้วยเสียงที่เหมือนกับเด็ก "อย่าบอกนะว่าแม็กซี่ยังบริสุทธิ์?" เธอหยิกแก้มของฉัน "โอ้ใช่แล้ว เธอยังซิงอยู่"
"พอได้แล้วน่า โคลอี้" ฉันต่อยเบาไปที่หลังหัวของเธอ เธอหัวเราะออกมาอีกครั้ง ฉันชอบเสียงนี้จริงๆ บางทีเสียงที่ฉันชอบมากที่สุด คงจะเป็นเสียงของเธอนี้แหละ
โคลอี้ลุกออกจากเตียงนอน "มาเถอะ ไปกินข้าวกัน ฉันเริ่มหิวแล้วเนี้ย" เธอหยุดครู่หนึ่ง "เธอน่าจะไปล้างหน้าสักหน่อยนะ หน้าเธอแดงนิดๆ"
โคลอี้รอฉันอยู่ที่นอกห้องอาบน้ำ พอฉันออกมาเธอก็เดินนำลงบันไดและฉันก็ตามเธอลงไป เมื่อเข้ามาที่ห้องครัว จอยก็นั่งอยู่ที่โต๊ะที่มีจานไข่และเบค่อนสามใบวางไว้ โคลอี้หัวมาขยิบตาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร เธอก็เริ่มพูดซะแล้ว "แม่ นี้แม็ก แฟนสาวของฉันเอง" ฉันเอามือมาบังหน้าเอาไว้พร้อมกับพยักหน้า "แม็ก นี้จอย แม่ของฉัน" จอยชำเลืองมองขึ้นมาให้เห็นว่าเธอทำหน้าไม่ค่อยเชื่อและโคลอี้ก็ยิ้มออกมา เอาเถอะ ฉันเคยแนะนำตัวแบบนี้กับเทรเลอร์มาแล้ว ลองอีกทีก็ได้
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จอย" ฉันพูดออกไปโดยพยายามเลี่ยงไม่ให้เห็นลายผีเสื้อตัวใหญ่บนเสื้อ "โคลอี้เล่าเรื่องของคุณไว้เยอะเลยค่ะ" โคลอี้ยิ้มกว้างและจอยดูเหมือนจะงงมากกว่าเดิม
"จ่ะ สาวน้อย" จอยพูดออกมาหลังจากเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด "ฉันรู้ว่าแม็กคือใคร ฉันก็แค่ไม่เคยคิดว่าพวกเธอสองคนจะ...."
ยังไงก็ตาม ความอึดอัดก็ถูกทำลายด้วยเสียงตะโกนของโคลอี้ "ว้าววววว เบค่อน!" เธอรีบไปนั่งที่เก้าอี้และเริ่มลงมือทาน ฉันนั่งเก้าอีกตัวถัดมา ชำเลืองมองจอยด้วยความอาย
"โคลอี้ ถ้าเธอขโมยอาหารของฉันอีกละก็...." ฉันเตือนเธอและเธอตอบกลับมาด้วยนิ้วเดียว
"โคลอี้! มีมารยาทด้วย" จอยพูดและโคลอี้ก็กลืนอาหารในปาก "ขอโทษค่ะแม่"
จอยมองมาที่ฉัน "แล้วพวกเธอคบกันมานาน...." เสียงของจอยเบาลงและโคลอี้ก็เป็นคนตอบ
"ก็สิบนาทีแล้ว"
จอยหันกลับไปหาโคลอี้ "แล้วยังไงต่อ?"
"ก็จูบแรกของแม็ก" โคลอี้พูดแซว "เอาจริงเป็นจูบที่สอง"
ครั้งที่สี่ต่างหาก ฉันนึกในใจ ไม่มีใครจำสองครั้งแรกได้เพราะว่ามันยังไม่ได้เกิดขึ้นหรือไม่มันก็จะไม่เกิดขึ้นในเส้นเวลานี้ ในโลกความจริงนี้งั้นหรอ? การเดินทางข้ามเวลานี้น่าปวดหัวจริงๆ
"ฉันเข้าใจ ก็ดี ฉันไม่ไปตัดสินอะไรพวกเธอหรอกนะ แค่หวังว่าพวกเธอจะรู้ว่าทำอะไรอยู่นะ"
ฉันก็หวังแบบนั้นเหมือนกันจอย ฉันก็หวังแบบนั้น



โปรดติดตามตอนต่อไป






จบตอนที่9 ไปอย่างฟินแบบสุดๆ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
โถ่วจอย ไม่น่าเปิดประตูเข้ามาเลย มาได้ผิดที่ผิดเวลาจริงๆ หึ้ยยยยยยยย555
ขออภัยที่ล้าช้าสำหรับตอนนี้ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว
ผมเลยไม่สบาย แค่ลากตัวเองไปนั่งเช็คชื่อที่มหาลัยได้ก็เก่งแล้ว 5555
ตอนนี้กลับมาแปลได้แล้ว เหลืออีกตอนเดียวก็จะจบแล้วครับผม โปรดติดตามด้วยนะครับ


1 ความคิดเห็น:

 
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Translate